ไม่ว่าประเทศไหน ส่วนไหนของโลกย่อมมีคนทั้ง ผอมเพรียว หุ่นดี และคนอ้วนปะปนกันอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพจะพบมากใน “คนอ้วน” เพราะความอ้วนคือประตูสู่โรคร้ายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจ และโรคเหล่านี้อาจจะเป็นพาหนสู่อีกหลายโรคได้เช่นเดียวกัน
ทำไมถึงอ้วน ? จากการสำรวจสัดส่วนของ “ความอ้วน” แล้วนั้นจะมาด้วยกันจาก 7 สาเหตุหลักแบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้
สาเหตุ |
ร้อยละ |
กรรมพันธุ์ | 10 |
การเลี้ยงดูในวัยเด็ก | 10 |
จำนวนเซลล์ไขมัน | 10 |
พฤติกรรมการกิน | 20 |
บุคลิกและวิธีทางในการดำเนินชีวิต | 20 |
อายุ | 15 |
การออกกำลังกาย | 15 |
จากตัวเลขในตารางสังเกตได้ว่า “ความอ้วน” นั้นมาจากหลายสาเหตุ และจากสาเหตุทั้งหมดนั้นก็มีทั้งที่ควบคุมได้และไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ก็ย่อมต้องมาปรับเปลี่ยนกันในเรื่องของ พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการกิน เป็นส่วนสำคัญที่สุด
จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีน้ำหนักเกิน และเสี่ยงที่จะอ้วน
การตรวจเช็คที่นิยมและสังเกตได้ง่ายที่สุดก็คือ “ขนาดของรอบเอว” ที่เรียกกันว่า “ห่วงยาง” เพิ่มมากขึ้น หรือรู้สักว่าตอนนี้เริ่มที่จะใส่เสื้อ กางเกงตัวเก่าคับและอึดอัดแล้ว นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความอ้วนที่กำลังจะเข้ามาย่างกลายตัวคุณก็เป็นได้ แต่มีอีกหนึ่งวิธีที่จะสังเกตได้ชัดเจน เห็นเป็นค่าตัวเลขเลยก็คือ การหาค่า Body Mass Index (BMI) ค่าดัชนีประเมินภาวะอ้วนผอม สำหรับบุคคลที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีสูตรดังนี้
น้ำหนัก (กิโลกรัม) หาร ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
นำตัวเลขดังกล่าวมาเทียบได้ดังนี้
ต่ำกว่า 18.5 = ผอมเกินไป 18.5 – 23.4 = สมส่วนดี
23.5 – 28.4 = น้ำหนักเกินไปนิด 28.5 – 34.9 = โรคอ้วนระดับ 1
35.0 – 39.9 = โรคอ้วนระดับ 2 มากกว่า 40 = อ้วนจนอยู่ในระดับอันตราย
หลังที่ทราบตัวเลขกันแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าทำไมคุณถึงต้องลดความอ้วนเดี๋ยวนี้ !
“5 สาเหตุ%