ปัญหาดวงตาเป็นปัญหาเฉพาะทางที่หากไม่แก้กันให้ตรงจุด ตรงที่จริงๆ อาจจะแก้กันได้ยาก และแน่นอนว่า “โรคตา” จะต้องรักษาอย่างถูกวิธีโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น “จักษุแพทย์” และก่อนที่จะทำการเข้ารับการตรวจหรือรักษานั้น ผู้ป่วยจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
“5 วิธีก่อนเข้ารับการรักษาดวงตาที่คลินิก”
- ตรวจหาข้อมูล การหาข้อมูลในสมัยนี้ ทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว แน่นอนว่า “ความน่าเชื่อถือของคลินิก หรือโรคพยาบาล” เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยควรจะให้ความสำคัญมากที่สุด “เพราะผู้ป่วยต้องคิดไว้เสมอว่า ดวงตาเป็นสิ่งที่สำคัญของร่างกาย ไม่ควรที่จะได้รับการรักษาที่ผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว”
- หากใส่คอนแทคเลนส์ จะต้องถอดคอนแทคเลนส์ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อคงความโค้งของกระจกตาไม่ให้เปลี่ยนรูปไปก่อนที่จะเข้ารับการตรวจหาความผิดปกติของดวงตา ซึ่งปัจจัยของนี้อาจจะทำให้ค่าของสายตาเปลี่ยนไปได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความแม่นยำของการตรวจดวงตา
- หากมีอาการระคายเคือง หรือปวดตา ควรนัดหมายแพทย์ให้ชัดเจน และเตรียมตัวโดยการงดใช้สายตาหนักในการมองที่ที่มีแสงแดดจ้า การท่องเที่ยว กิจกรรมกลางแดด และการเพ่งอ่านหนังสือ หรือการใช้สายตาจ้องจอมือถือเป็นเวลานาน รวมไปถึงการดูทีวีอีกด้วย
- ควรตรวจเช็คสุขภาพเบื้องต้น ตรวจเลือดหาค่า Anti-HIV หากมีการผ่าตัด หรือการทำเลสิคเกิดขึ้น การตรวจสุขภาพเพื่อยืนยันเกี่ยวกับโรคแทรกซ้อนเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินและวินิจฉัยโรคของจักษุแพทย์เป็นอย่างยิ่ง
- วันนัดหมายก่อนเข้ารับการตรวจหรือผ่าตัด ควรงดใช้น้ำหอม และเครื่องสำอางบนใบหน้าทุกชนิด เพื่อลดสารตกค้างที่มีโอกาสจะทำให้การตรวจวินิจฉัยโรคผิดเพี้ยนไปได้
“ไม่ต้องตกใจหากมีอาการเหล่านี้หลังการผ่าตัดรักษาโรคตา”
– อาการแสบและตาแดงจากที่การเส้นเลือดฝอยแตก ซึ่งอาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นในขณะการรักษา ซึ่งจะหายไปเองได้– อาการตาไม่สู้แสง เป็นเพราะดวงตาพึ่งผ่านกิจกรรมหนักมา ทำให้เกิดอาการอ่อนล้าได้เป็นธรรมดา
– เพ่งอ่านหนังสือ หรือการใช้สายตาหนักๆ ยังได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร เพราะแผลจากการผ่าตัดของกระจกตายังไม่หายดี ทั้งนี้ในเรื่องระยะเวลาอาจจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
– แสบตาเมื่อโดนควันบุหรี่ หรือแม้แต่ลมพัด อาการนี้อาจจะเป็นอาการปกติของหลายคน แต่สำคัญคนที่ไม่เคยเกิดอาการเช่นนี้ จะมีโอกาสเป็นได้หากได้รับการผ่าตัดมา จึงต้องพยายามเลี่ยงหลีกปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้
Reference :http://www1.si.mahidol.ac.th/lasik/guide
https://www.gotoknow.org/posts/67782
http://health.kapook.com/view72669.html
Write a comment: