ศัลยกรรมไทย ศูนย์กลาง AEC
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ฝีมือศัลยแพทย์ไทยนั้นเก่งกาจไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน หากว่ากันเรื่องคุณภาพและราคาแล้ว ศัลยกรรมเสริมความงามเมืองไทยสามารถสู้กับประเทศชั้นนำอย่าง เกาหลี หรือ อเมริกาได้อย่างสบาย แต่เราอาจจะมีปัญหาในเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้เป็นทางการสู่สายตานานาประเทศอยู่พอสมควร หรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเองก็ตาม
เมื่ออ้างอิงจากตัวเลข ที่เปิดเผยโดย นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารับบริการรักษาพยาบาลตั้งแต่ปี 2550-2554 พบว่า จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงบริการรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วยต่างชาติมีอัตราการเจริญเติบโตสูง เห็นได้จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติและรายได้มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นทุกปีตลอด 5 ปีย้อน หลัง สำหรับในปี 2555 มีผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาพยาบาลในไทยราว 2,530,000 ราย ประมาณการรายได้ 121,658 ล้านบาท ทั้งนี้การรักษาพยาบาลที่ได้รับความนิยมมากสุด ได้แก่ ศัลยกรรมกระดูก, ผ่าตัดโรคหัวใจ, ศัลยกรรมความงาม, ทันตกรรม, และโรคทางเดินอาหาร
อัตราการเติบโตของตัวเลขความนิยมของชาวต่างชาติ ทั้งในยุโรป อเมริกา และแม้แต่ในกลุ่มประเทศอาเซียนก็ไม่น้อย ที่นิยมเดินทางมาเพื่อศัลยกรรมในประเทศไทย รวมไปถึงคนไทยกันเองที่หลายปีที่ผ่านมา ทัศนะคติด้านบวกกับการศัลยกรรมเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ทำให้ความนิยมในธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามในประเทศไทย กำลังพุ่งทะยานขึ้นทุกวัน
หันกลับมามองกันที่คุณภาพของศัลยกรรมเสริมความงามในเมืองไทย นั้น มีหลายโรงพยาบาล ที่กำลังได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักกันในแวดวงศัลยกรรม อย่าง โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ที่ภายนอกอาจจะดูสวยงามเหมือนวัง แต่ไม่ใช่จะดีเพียงแต่ภายนอกเท่านั้น ที่ยังขึ้นชื่อเรื่องศัลยกรรมแบบครบวงจรเป็นอย่างมาก โดยเทคโนโลยีที่เต็มรูปแบบกับบริการในราคาประหยัด ที่นี่บริการภายใต้แนวคิด “ไม่รวยก็สวยได้ด้วยมือศัลย์”
อีกโรงพยาบาลที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนั้นก็คือ โรงพยาบาลยันฮี ที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน ร่วม 15 ปี เข้าไปแล้ว แค่นี้ก็พอการันตีความเก่งกาจของศัลยแพทย์ที่ครองใจคนไทยได้มาช้านาน นอกจากความเชี่ยวชาญแล้วที่นี่เรียกได้ว่า มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยครบครับ และบริการแพทย์ทางเลือกให้มากอีกมากมาย
หลังจากเปิดเขตการค้าเสรี หรือ AEC นี้ แพทย์สภา คาดการว่า “ตลาดการทำศัลยกรรมเสริมความงาม ภายในประเทศจะขยายตัวหลายเท่าตัว” จึงไม่รอโอกาสที่จะวางแผนผลักดันประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางของศัลยกรรมอาเซียน แต่หากจะว่าไปแล้ว ปัจจุบันเมืองไทยของเรานั้นก็อาจจะเป็นศูนย์กลางของการแพทย์ทางเลือกนี้อยู่แล้วก็ได้ เพราะตัวเลขที่ปรากฏให้เห็นในหลายปีที่ผ่านมาก็คือ ไม่ว่าประเทศอย่างสิงคโปร์ หรือ มาเลเซีย ก็ต่างนิยมเข้ามาทำศัลยกรรมที่เมืองไทย
และ จากข้อมูลในการศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของการท่องเที่ยวแห่งประเทศเมื่อปี2556ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 12.75 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดย สิงคโปร์ และ มาเลเซีย ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 15 ของมูลค่าตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อยู่เยอะพอสมควร ทั้งที่ ทั้งสองประเทศก็เป็นที่รู้กันด้านเทคโนโลยีและการแพทย์ว่าไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน และแน่นอนว่าแผนผลักดันของ แพทยสภา ไม่เพียงแต่ ชาวต่างชาติเท่านั้น ชาวไทยก็เช่นก็ ทางแพทยสภา ก็มีแผนที่จะกระจายสื่อให้คนไทยเข้าด้วยว่า ศัลยกรรมเมืองไทยก็ไม่แพ้เกาหลี ที่ฝังอยู่ในความเชื่อว่า เกาหลีคือที่หนึ่งด้านศัลยกรรม
นี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถของศัลยแพทย์ในประเทศไทย ให้ชัดเจนและเป็นทางการมากขึ้น ทั้งนี้ยังยืดอกการันตีอีกว่า จะทำให้รายได้ในส่วนนี้เข้าประเทศไทยกว่า สองแสนล้านบาทต่อปี กันเลยทีเดียว
Reference :
ตัวเลขสถิติอ้างอิงจาก www.tmc.or.th
Write a comment: